วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

Birds and the environment 2

ขนนก
ขน ( feather ) ปกคลุมลำตัวของนกเป็นโครงสร้างพิเศษที่พบได้เฉพาะในนกเท่านั้น ขนนกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. ขนคอนทัวร์ ( contour ) เป็นขนที่พบมากที่สุดบนตัวนก คลุมอยู่ชั้นนอกสุด ไม่ว่าจะเป็นขนปกคลุมตัว ขนปีก และขนหาง เป็นขนที่บอกรูปร่างและสีสันของนกแต่ละตัว และทำหน้าที่ในการทรงตัวปรับทิศทางขณะบิน
2. ขนดาวน์หรือขนอุย ( down ) เป็นขนที่สั้นและนุ่มมาก ก้านขนด้านนอกสั้นหรือไม่มีเลย ขนดาวน์ซ่อนอยู่ใต้ขนคอนทัวร์ และพบมากกกับลูกนกที่เพิ่งฟักออกจากไข่ใหม่ๆ ทำหน้าที่ช่วยรักษาความร้อนไม่ให้สูญเสียไปจากร่างกาย ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น
 
 
 
ปีกแคบและสั้น เหมาะสำหรับการบินเร็วๆ ช่วงสั้น ส่วนใหญ่พบในนกที่อาศัยอยู่ตามป่า เช่น นกเขา นกปรอด
ปีกแบน เรียวบาง และ ลู่ไปทางด้านท้าย ช่วยให้บินได้เร็วและเลี้ยวไปมาอย่างคล่องแคล่ว พบในนกที่บินหากินตลอดเวลา เช่น นกนางแอ่น และนกที่บินย้ายถิ่นเป็นระยะทางไกลๆ เช่น นกชายเลน
ปีกแคบและยาว เหมาะสำหรับการร่อนโดยเฉพาะ พบในนกทะเลที่ชอบร่อนเหนือน้ำทั้งวันโดยแทบไม่กระพือปีกเลย เช่น นกบู๊บบี้
ปีกโค้งใหญ่และปลายขนปีกแยกจากกัน สำหรับร่อนที่สูงช่วยให้นกบินลอยตัวได้สูงขึ้นและร่อนตามลมได้ดี พบในนกขนาดใหญ่ที่ร่อนหากินระดับสูง เช่น นกอินทรี แร้ง
การบินของนกยังมีรูปแบบต่างกันออกไป 4 แบบ
1. การบินโบกปีก ( flapping ) เป็นการบินโบกปีกขึ้นลง แบบที่เห็นนกบินทั่วไป นกขนาดใหญ่จะประสบปัญหาเมื่อเริ่มต้นบิน ต้องใช้วิธีต่างๆ เพื่อช่วยพยุงตัว  
2. การบินร่อนลดระดับ ( gliding ) เป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุดของการบิน เพียงทิ้งน้ำหนักตัวไปข้างหน้าให้มากกว่าแรงด้านของอากาศ นกก็สามารถร่อนและลดระดับลงต่ำได้
3. การบินร่อนรักษาระดับ ( soaring ) โดยไม่ต้องโบกปีกเลย ส่วนใหญ่ต้องเป็นนกขนาดใหญ่ถึงจะร่อนแบบนี้ได้โดยไม่เสียการทรงตัว นกที่มีปีกกว้างใหญ่ เช่น นกอินทรี
4. การบินทรงตัวอยู่กับที่ ( hovering ) เป็นการบินโดยกระพือปีกเร็วๆ จนเกิดแรงยกต้านแรงโน้มถ่วงของโลกให้ทรงตัวนิ่งอยู่กลางอากาศ ส่วนใหญ่เป็นนกตามทุ่งโล่ง เช่น เหยี่ยวขาว นกกะเต็นปักหลัก อย่าง ไรก็ตามมีนกหลายชนิดบิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น